ประวัติศาสตร์ลับของ 'สไลม์' ใครคิดค้น? ไม่ได้เป็นแค่น้ำลายเอเลี่ยน! - Kiddo Pacific

ประวัติศาสตร์ลับของ ‘สไลม์’ ใครคิดค้น? ไม่ได้เป็นแค่น้ำลายเอเลี่ยน!

สไลม์

ย้อนรอยความหนึบ ประวัติศาสตร์ของ ‘สไลม์ (Slime)’ จากงานวิจัยสู่ของเล่นสุดฮิต

 คุณยังจำความรู้สึกหนึบๆ เย็นๆ ในมือได้ไหม? ความรู้สึกที่เคยติดภาพจำของ “น้ำลายเอเลี่ยน” ในวัยเด็กหรือภาพของ มอนสเตอร์สไลม์ (Monster slime) ในเกมสุดคลาสสิก แต่รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังของเล่นสีสันสดใสที่ดูเรียบง่ายนี้ ไม่ได้มีต้นกำเนิดจากโรงงานของเล่น แต่มาจากห้องทดลองทางเคมีที่ยิ่งใหญ่เมื่อเกือบศตวรรษที่แล้ว และผู้คิดค้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล

ร่วมย้อนรอยไปสู่ ประวัติศาสตร์ลับของ สไลม์‘ (Slime) ที่จะเปลี่ยนมุมมองของคุณไปตลอดกาล เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อค้นพบว่าทำไมสไลม์ถึง ไม่ได้เป็นแค่น้ำลายเอเลี่ยนและวิวัฒนาการสู่การเป็นของเล่นคลายเครียดในยุคดิจิทัล

ต้นกำเนิด ‘สไลม์’ ในห้องทดลองของนักเคมี

หากคุณคิดว่าสไลม์เกิดขึ้นในยุค 70s เพื่อเป็นของเล่นสำหรับเด็กแล้วล่ะก็…คุณยังรู้ไม่หมด ความจริงแล้ว สไลม์ในรูปแบบที่ใกล้เคียงที่สุดมีรากฐานมาจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญเมื่อเกือบศตวรรษที่แล้ว

เริ่มต้นด้วยยุค 1920s ต้นกำเนิดของสไลม์อยู่ที่การค้นพบทางเคมีเกี่ยวกับ โพลิเมอร์” (Polymer) ซึ่งเป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นสายโซ่ยาวเชื่อมต่อกัน

สไลม์

ผู้ริเริ่มแนวคิด: นักเคมีชาวเยอรมันชื่อ เฮอร์มานน์ สเตาดิงเงอร์ (Hermann Staudinger)
ช่วงเวลา: ทศวรรษ 1920s
การค้นพบ: สเตาดิงเงอร์เป็นคนแรกที่เสนอแนวคิดว่าสารประกอบเหล่านี้มีโมเลกุลที่เป็นสายยาวจริงๆ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ปฏิวัติวงการเคมีในยุคนั้น
รางวัลเกียรติยศ: เขาได้รับรางวัล โนเบลสาขาเคมี (Nobel Prize in Chemistry) ในปี 1953 จากผลงานสำคัญนี้เอง

การค้นพบของ Staudinger ทำให้โลกสามารถสร้างสรรค์วัสดุใหม่ๆ มากมาย ตั้งแต่ ไนลอน (Nylon) พลาสติก และแน่นอน…วัสดุที่มีคุณสมบัติหนืด ยืดหยุ่น และเหนียวหนับอย่าง “สไลม์” 

ยุค 1950s ก่อนของเล่น.. สไลม์เพื่อประโยชน์ 
ก่อนที่สไลม์จะถูกบรรจุในถังเพื่อขายเป็นของเล่น สารประกอบที่มีลักษณะคล้ายสไลม์ได้ถูกผลิตออกมาและนำไปใช้งานจริง เช่น Goop / Gak / Flubber ในช่วงทศวรรษ 1950s มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุโพลิเมอร์มาผสมกับสารทำให้ข้น (Cross-linking agent) ออกวางจำหน่ายในวงกว้าง โดยวัตถุประสงค์แรกเริ่มสารเหล่านี้ถูกใช้เป็นวัสดุที่ช่วยทำความสะอาดฝุ่นละอองตามซอกมุมต่างๆ โดยเฉพาะตามคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องจักร เนื่องจากคุณสมบัติความเหนียวที่สามารถจับฝุ่นได้ดี

สไลม์

Hermann Staudinger
บิดาทางวิทยาศาสตร์เคมี
ที่สร้างรากฐานของความหนึบทั้งหมดนี้นั่นเอง

สไลม์

Hermann Staudinger

E-Pics Image Archive Online

จุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในปี 1976 เริ่มเข้าสู่ยุคของเล่น

แม้ว่านักเคมีจะค้นพบรากฐานของโพลิเมอร์มาตั้งแต่ยุค 1920s แต่คนส่วนใหญ่จะจดจำว่า Slime เป็นของเล่นที่ถูกสร้างโดยบริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่อย่าง Mattel ซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้ “สารเหนียวหนืด” กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม

ในปี 1976 บริษัทได้นำสารประกอบโพลิเมอร์มาปรับปรุงสูตรแล้วบรรจุลงในภาชนะที่ไม่มีใครคาดคิด

      สไลม์

นั่นก็คือ ถังขยะพลาสติกสีเขียวใบเล็ก
และใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า Slime

slime (สไลม์) คือ ของเหลวเหนียวหนืด, เมือก หรือ สารเหนียวๆ โดยทั่วไปมักใช้ในบริบทของเล่นเนื้อเจลหนืดๆ ที่ใช้บีบ ปั้น หรือยืดเล่นเพื่อความสนุกหรือคลายเครียด

การตัดสินใจที่สำคัญสู่ของเล่นยอดฮิต

รูปลักษณ์สุดยี้:ยุคแรกเลือกใช้สีเขียวนีออน (Bilious Green) ที่ชวนให้รู้สึกเหมือนเป็นเมือกพิษหรือของเสียจากนอกโลก
แพ็คเกจที่เป็นเอกลักษณ์: การบรรจุในถังขยะเล็กๆ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของสิ่งที่ “น่าขยะแขยงแต่ดึงดูดใจ” (Gross-out appeal) ซึ่งเป็นเทรนด์ยอดนิยมในของเล่นเด็กยุคนั้น
สโลแกนที่ติดหู: พวกเขาโปรโมต Slime ด้วยวลีที่เน้นถึงสัมผัสที่น่ารังเกียจ เช่น Gooey, drippy, oozy, cold ‘n clammy (เหนียวเยิ้ม, ย้อย, เละเทะ, เย็นและเหนอะหนะ)

สไลม์

แล้วทำไมถึงเรียก ‘น้ำลายเอเลี่ยน’?

ความสำเร็จของ Slime ไม่ได้หยุดอยู่แค่ยอดขาย แต่ยังฝังรากลึกในวัฒนธรรมป๊อป (Pop Culture หรือ Popular Culture) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาที่ทำให้มันได้ชื่อเล่นว่า “น้ำลายเอเลี่ยน” (Alien Slime) ในที่สุด 

Ghostbusters (1984): ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ Slime ถูกเชื่อมโยงกับผีและเอเลี่ยนอย่างชัดเจน
Nickelodeon Gunge: รายการเกมโชว์ของช่อง Nickelodeon เช่น Double Dare ได้ใช้เมือกสีเขียวเหนียวๆ (ที่เรียกว่า Gunge หรือ Slime) ราดผู้เข้าแข่งขันเพื่อเป็นบทลงโทษหรือการเฉลิมฉลองซึ่งยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของ “เมือกสุดยี้” ในสายตาเด็กๆ ทั่วโลก
• มอนสเตอร์ในเกม: ตั้งแต่ช่วงกลางยุค 80s สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเป็นเมือกเหนียวก็ได้ถูกนำมาใช้เป็นศัตรูพื้นฐานในวิดีโอเกม RPG อย่าง Dragon Quest (1986) ซึ่งทำให้สไลม์มีตัวตนทั้งในโลกของเล่นและโลกแฟนตาซี

Slime ของ Mattel จึงเป็นจุดตัดระหว่างการค้นพบโพลิเมอร์ที่น่าเบื่อหน่ายในยุค 20s และการตลาดสุดปังที่เปลี่ยนมันให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสนุกสนานแบบสกปรกโสโครก (Gross-out Fun) ที่เด็ก ๆ ต่างชื่นชอบ Slime ของ Mattel จึงเป็นจุดตัดระหว่างการค้นพบโพลิเมอร์ที่น่าเบื่อหน่ายในยุค 20s และการตลาดสุดปังที่เปลี่ยนมันให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสนุกสนานแบบสกปรกโสโครก (Gross-out Fun) ที่เด็ก ๆ ต่างชื่นชอบ

สไลม์กลับมาฮิตอีกครั้งในโลกของเล่น

กระแสของ Slime อยู่ได้ไม่นาน โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้สไลม์ในอดีต ไม่ได้ฮิตยาวนานเท่าปัจจุบัน เช่น

  1. ของเล่นสไลม์เป็นสินค้าสำเร็จรูปที่ซื้อมาเล่นแล้วก็จบ ไม่มีการแบ่งปันสูตร หรือเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันอย่างแพร่หลาย การเล่นถูกจำกัดอยู่แค่คนเดียวหรือกลุ่มเพื่อนเล็กๆ เท่านั้น ทำให้ความน่าสนใจลดลงเร็ว
  2. สไลม์ยุคแรกๆ มักจะมีสูตรเดียวหรือสองสูตร (มักจะเหลวและมีกลิ่นเฉพาะตัว) และมีรายงานว่า เสื่อมสภาพเร็ว (กลายเป็นน้ำหรือแข็งตัว) ทำให้เล่นได้ไม่นาน
  3. Slime มีภาพลักษณ์ว่าเป็นของเล่นที่ น่าขยะแขยง (Gross-out Appeal) ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้ปกครองทุกคนชื่นชอบ 

แล้วสไลม์กลับมาฮิตในโลกออนไลน์ได้ยังไง ?

หลังผ่านช่วงยุคทองและการเป็นสัญลักษณ์ใน Pop culture สไลม์ก็กลับมาเป็นที่นิยมอย่างท่วมท้นอีกครั้งในช่วง ทศวรรษ 2010s โดยมีตัวขับเคลื่อนสำคัญคือ อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย 

การทำ Slime แบบ DIY และ ASMR
การกลับมาครั้งนี้ไม่ได้ถูกผลักดันจากบริษัทของเล่นเป็นหลัก แต่มาจากกลุ่มผู้สร้างสรรค์อิสระ (DIY creators) ที่ใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ในการเผยแพร่ ได้แก่ 

  • YouTube และ Instagram: ผู้คนเริ่มแชร์สูตรการทำสไลม์โฮมเมด (DIY Slime) โดยใช้วัสดุใหม่ๆ เช่น กาว PVA, ครีมโกนหนวด, และสารละลายบอแรกซ์
  • ASMR (Autonomous Sensory Meridian Response): สไลม์ได้กลายเป็นสื่อกลางของ ASMR ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ผู้คนหลงใหลในเสียง “จิ้ม” (poking), “บีบ” (squishing), และ “ยืด” (stretching) ของสไลม์ ซึ่งช่วยกระตุ้นความรู้สึกผ่อนคลายและคลายเครียด

สไลม์

การมาถึงของแบรนด์ Slimy ในตลาดโลก

เมื่อกระแส DIY Slime กลายเป็นกระแสหลัก ตลาดก็ได้ตอบรับด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่ต้องการผสมสารเคมีเอง

แบรนด์ Slimy  เป็นตัวแทนของวิวัฒนาการสไลม์ โดยได้เรียนรู้จากจุดอ่อนของสินค้าในอดีต และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดปัจจุบัน และแบรนด์ Slimy ได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำที่ผลิตสไลม์สำเร็จรูปคุณภาพสูง โดยเน้นที่

  • ความปลอดภัยคือหัวใจหลัก: ในยุคที่มีการตระหนักถึงสารเคมีสูง แบรนด์ Slimy ใช้การรับรองความปลอดภัยจากสวิตเซอร์แลนด์เป็นจุดขายหลัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ของเล่นยุค 70s ไม่ได้เน้นเท่านี้
  • นวัตกรรมเนื้อสัมผัส (Texture): แบรนด์ Slimy นำเสนอสไลม์ที่มีเนื้อสัมผัสที่หลากหลายและน่าสนใจ เช่น สไลม์ที่เต็มไปด้วยกลิตเตอร์, สไลม์โฟม, สไลม์ที่ให้สัมผัสเหมือนน้ำแข็ง, หรือแม้แต่สไลม์ที่เรืองแสงได้
  • การเปลี่ยนจาก ‘ยี้’ เป็น ‘ฟิน’: แบรนด์ Slimy เน้นไปที่ ASMR และ Stress Relief (นุ่ม, หอม, ยืดฟิน)
  • การเข้าถึง: แบรนด์ Slimy ขยายตลาดไปทั่วโลก ทำให้สไลม์ที่มีคุณภาพเข้าถึงได้ง่ายในร้านค้าปลีกทั่วไป

Slimy Alpaca 

นี่แสดงให้เห็นว่า Slime ไม่ได้ติดอยู่กับตำนานในอดีต แต่ได้ปรับตัวอย่างชาญฉลาด จากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ สู่ของเล่นคลาสสิก และมาจบลงที่การเป็นผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมที่เชื่อมโยงกับความต้องการผ่อนคลายในยุคดิจิทัล

เคล็ดลับเลือกสไลม์สำเร็จรูปยังไงให้ปลอดภัย

แม้ว่าสไลม์ของแบรนด์ Slimy จะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่การดูแลสุขภาพก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน โดยควรยึดหลักเกณฑ์สำคัญ ดังนี้

มองหาฉลากรับรองมาตรฐานความปลอดภัย นี่คือเกณฑ์สำคัญที่สุดในการคัดกรองผลิตภัณฑ์ 

  • มีมอก. หรือมาตรฐานสากล: เลือกสไลม์ที่มีฉลาก มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) สำหรับของเล่นในประเทศไทย หรือมีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานของเล่นสากล เช่น CE Mark (มาตรฐานยุโรป) ซึ่งรับรองว่าผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยแล้ว
  • ฉลาก “Non-Toxic” หรือ “ปลอดสารพิษ”: แม้ว่าคำว่า “Non-Toxic” จะไม่ได้หมายความว่ากินได้ แต่ก็บ่งชี้ว่าผู้ผลิตได้พยายามใช้ส่วนผสมที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังหรือระบบทางเดินหายใจเมื่อสัมผัสเล่นอย่างเหมาะสม

แบรนด์ Slimy มีจุดขายหลักคือ “No Parabens, Gluten-Free, Borax-free

ตรวจสอบสารต้องห้ามที่เป็นปัญหาหลัก

  • ปราศจากบอแรกซ์ (Borax-Free): บอแรกซ์ (Sodium Borate) เป็นสารที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเป็นสไลม์ได้ดี แต่ก็เป็นสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือผิวหนังอักเสบในเด็กที่มีผิวแพ้ง่ายได้ ควรเลือกสูตรที่ระบุชัดเจนว่า “No Borax”
  • ปราศจากสารกันเสียที่ระคายเคือง: สารกันเสียบางชนิด เช่น Parabens หรือ Formaldehyde ที่อาจพบในสไลม์ราคาถูก ควรหลีกเลี่ยง

พิจารณาคุณภาพของกลิ่นและสี

  • เลือกกลิ่นที่อ่อนโยน: สไลม์ที่มีกลิ่นหอมจัดหรือกลิ่นเคมีรุนแรงอาจมาจากการใช้สารปรุงแต่งกลิ่นสังเคราะห์ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองทางเดินหายใจ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ หรือกลิ่นจากธรรมชาติ
  • สีไม่ตก/สีไม่ติดมือ: สไลม์คุณภาพดีควรมีสีสันสวยงาม แต่สีไม่ควรละลายติดมือหรือติดเสื้อผ้า ซึ่งบ่งบอกถึงการใช้สีที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว

Slimy มีกลิ่นหอมปลอดภัย เช่น กลิ่นขนมหวาน หรือกลิ่นผลไม้ (รุ่น Sweet Collection)  โดยใช้กลิ่นหอมที่ถูกออกแบบมาเพื่อของเล่นเด็กโดยเฉพาะ ทำให้ประสบการณ์การเล่นสนุกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นเคมีรุนแรง

Sweet Collection Cat Purrccino

Sweet Collection Meowcchiato

Sweet Collection Soft

ข้อควรระวังระหว่างเล่น

  • ล้างมือหลังเล่น ควรล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งหลังเล่นสไลม์เพื่อชะล้างคราบหรือสารตกค้างใด ๆ ออกไป
  • ห้ามนำเข้าปาก สไลม์ทุกชนิดไม่ว่าปลอดภัยแค่ไหน ก็ไม่ควรบริโภคหรือนำเข้าปาก ควรดูแลเด็กเล็กอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันอันตรายจากการสำลักหรือการบริโภค
  • อายุที่เหมาะสม ตรวจสอบอายุที่แนะนำบนฉลาก (ส่วนใหญ่มักแนะนำสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป) และไม่ควรให้เด็กเล็กกว่า 3 ปีเล่นโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิด

ผู้ปกครองสามารถเลือกเนื้อสัมผัสที่ลูกควบคุมได้ง่ายที่สุด เช่น เลือกเนื้อ Fluffy ที่ฟูและไม่เหลวเกินไปสำหรับเด็กเล็ก 

 

Slimy Super Fluffy

ถึงเวลาอัปเกรดความหนึบแล้ว!
สัมผัสวิวัฒนาการล่าสุดของ Slime

Sugary Crush Icecream
Donut

Sugary Crush Icecream
Macaron
 

Sugary Crush Icecream
Milkshake

คุณได้เห็นแล้วว่าสไลม์วิวัฒนาการจากเมือกสีเขียวในถังขยะมาไกลแค่ไหน อย่าพลาดการสัมผัสประสบการณ์ ASMR ที่ดีที่สุดของสไลม์ยุคใหม่ ไม่ว่าคุณจะชอบสัมผัสแบบ fluffy Slime นุ่มฟู หรือ Slime ปกติ ที่ดึ๋งดั๋ง แบรนด์ Slimy มีเนื้อสัมผัสที่ปลอดภัยและหลากหลายรอคุณอยู่

หยุดค้นหาสูตร DIY ที่เสี่ยงอันตราย เลือก Slimy ซึ่งรับประกันความปลอดภัยตามมาตรฐานยุโรป และมีเนื้อสัมผัสที่รับรองว่าฟินจนวางไม่ลง เลือกดูคอลเลกชัน Slimy สุดฮิต ได้แล้ววันนี้

สั่งซื้อ Slimy ด้วยโปรโมชั่นสุดคุ้ม Shopee และ Lazada ช้อปเลย!

พร้อมสร้างสไลม์ในสไตล์ของคุณแล้วหรือยัง?

ร่วมแชร์ประสบการณ์สไลม์สุดโปรดของคุณได้ที่นี่
ติดตามคอนเทนต์ดีๆ คลิก