หากคุณเคยสนุกกับการปั้นแป้งโดว์ตอนเด็กๆ คุณอาจไม่รู้ว่าแป้งปั้นสีสันสดใสที่นุ่มนิ่มนี้ แท้จริงแล้วมีจุดเริ่มต้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับของเล่นเลยแม้แต่น้อย Play-Doh หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ “แป้งโดว์” คือของเล่นยอดฮิตที่อยู่คู่บ้านของเด็กๆ ทั่วโลกมานานหลายทศวรรษ บทความนี้จะพาคุณย้อนรอยดูต้นกำเนิดของ Play-Doh ตั้งแต่วันที่มันเป็น “น้ำยาทำความสะอาดวอลเปเปอร์” จนกลายมาเป็นของเล่นในตำนาน และค้นหาว่าอะไรที่ทำให้มันยังคงครองใจผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้
จุดเริ่มต้นของแป้งโดว์
ประวัติของ Play-Doh (เพลย์โดว์) เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งและคาดไม่ถึง เพราะของเล่นยอดนิยมที่เด็กๆ ทั่วโลกคุ้นเคยกันดี ไม่ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นของเล่นตั้งแต่แรกเริ่ม แต่มีจุดประสงค์ที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากที่เราเข้าใจกันทุกวันนี้
จุดเริ่มต้นของแป้งโดว์ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1930s บริษัท Kutol ผลิตขึ้นมาในฐานะ “น้ำยาทำความสะอาดวอลเปเปอร์” ที่มีลักษณะเป็นแป้งปั้นเนื้อนุ่ม เพื่อใช้ขจัดคราบเขม่าจากเตาถ่านหิน อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมา เมื่อความต้องการน้ำยาทำความสะอาดวอลเปเปอร์ลดลง ผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องหาวิธีการใหม่เพื่อรักษาธุรกิจไว้
โชคดีที่ด้วยแรงบันดาลใจจากคุณครูในโรงเรียนอนุบาลคนหนึ่งที่เห็นศักยภาพในการนำแป้งนี้มาใช้เป็นสื่อการสอนสำหรับเด็ก ผู้ผลิตจึงตัดสินใจเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของแป้งโดว์อย่างสิ้นเชิง จากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้าน สู่ของเล่นเสริมจินตนาการสำหรับเด็กที่ปลอดภัยและสนุกสนาน ทำให้ Play-Doh กลายเป็นหนึ่งในของเล่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และยังคงสร้างความสุขให้กับเด็กๆ ทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน
แป้งโดว์คืออะไร?
แป้งโดว์ คือ แป้งปั้นเนื้อนุ่มและยืดหยุ่นที่มีสีสันสดใส สามารถปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ ได้คล้ายกับดินน้ำมัน แต่มีความพิเศษกว่าตรงที่ส่วนผสมหลักมาจากธรรมชาติ เช่น แป้ง เกลือ และน้ำ จึงมีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อเด็กหากเผลอหยิบเข้าปาก
ปลอดภัยสำหรับเด็กอย่างไร?
ส่วนผสมของแป้งโดว์ ไม่มีสารประกอบโบรอน เช่น โบรแอกซ์และกรดบอริก เป็นต้น อีกทั้งไม่มีส่วนผสมของถั่วลิสง น้ำมันถั่วลิสง ถั่วประเภทอื่นๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม อย่างไรก็ตาม แป้งโดว์มี แป้งสาลี เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ในเด็กบางรายที่มีภาวะแพ้กลูเตนหรือแป้งสาลี ดังนั้นผู้ปกครวรควรสังเกตอาการและดูแลอย่างใกล้ชิดขณะเด็กเล่น
ข้อมูลความปลอดภัยที่ผู้ปกครองควรรู้
Play-Doh ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก LHAMA (Labeling of Hazardous Art Materials Act) ว่าปลอดสารพิษ แต่เด็กที่แพ้ข้าวสาลีอาจมีอาการแพ้ได้ นอกจากนี้ เนื่องจากมีปริมาณเกลือสูง ผลิตภัณฑ์นี้จึงอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงหากพวกมันกินเข้าไป
จุดพลิกผันจากน้ำยาทำความสะอาดสู่ของเล่น
จุดเริ่มต้นของ Play-Doh ที่ผลิตมาเพื่อใช้ทำความสะอาด ไม่ได้ผลิตมาเพื่อให้เด็กเล่น มีจุดพลิกผันอย่างไร?
- การเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย: หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้คนเริ่มเปลี่ยนมาใช้เตาแก๊สและวอลเปเปอร์ไวนิลที่ทำความสะอาดง่ายขึ้น ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดวอลเปเปอร์ลดลงอย่างมาก บริษัท Kutol จึงประสบปัญหาด้านยอดขายอย่างหนัก
- ไอเดียจากครูอนุบาล: ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น คุณ Kay Zufall ซึ่งเป็นครูโรงเรียนอนุบาลและเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าของบริษัท ได้สังเกตเห็นว่าเด็กๆ ชอบนำแป้งทำความสะอาดนี้มาปั้นเล่นแทนดินน้ำมัน เพราะมีเนื้อนุ่มและปลอดภัยกว่า เธอจึงแนะนำให้บริษัทลองเปลี่ยนมาขายผลิตภัณฑ์นี้ในฐานะของเล่นสำหรับเด็ก
- การตลาดที่ชาญฉลาด: เจ้าของบริษัทจึงตัดสินใจปรับสูตรเล็กน้อยและเพิ่มสีสันให้สดใสยิ่งขึ้น พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “Play-Doh” และเริ่มทำการตลาด โดยเฉพาะการโฆษณาผ่านรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กยอดนิยมอย่าง Captain Kangaroo ทำให้ Play-Doh กลายเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นของเล่นในตำนานอย่างทุกวันนี้
ในปี 1991 บริษัท Hasbro ซึ่งเป็นบริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ได้เข้าซื้อกิจการของ Kenner ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Play-Doh ในขณะนั้น ทำให้ Play-Doh กลายมาเป็นหนึ่งในแบรนด์ของเล่นในตำนานภายใต้การดูแลของ Hasbro อย่างเต็มตัว และยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างความสุขให้กับเด็กๆ มาจนถึงทุกวันนี้
Play-Doh ตัวช่วยเลี้ยงดูเด็กยุคใหม่
เด็กในยุคปัจจุบัน “เติบโต” เร็วเกินไปจนจินตนาการลดน้อยลง แบรนด์ Play-Doh จึงมุ่งมั่นที่จะจุดประกายให้เด็กทุกคนได้ใช้จินตนาการเป็นเหมือน “พลังวิเศษ” (Superpower)
จากการศึกษาทั่วโลกในหัวข้อ “จินตนาการคือพลังวิเศษ” (Imagination is a Superpower) ที่จัดทำโดยบริษัท Hasbro พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่เชื่อว่าการส่งเสริมทักษะด้านจินตนาการมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อทั้งปัจจุบันและอนาคตของลูกๆ
88% ของผู้ปกครองเชื่อว่าจินตนาการคือ “ทักษะหลัก” ที่จำเป็นต้องมีตั้งแต่ในวัยเด็ก
จินตนาการจะเติบโตได้ดีที่สุดจากการเล่นแบบปลายเปิด (open-ended play) ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ตอบคำถาม เช่น จะเป็นอย่างไรถ้า…? เป็นต้น และเติมเต็มช่องว่างด้วยความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง แต่ในสังคมปัจจุบันที่เด็กๆ มีตารางเวลาที่แน่นเกินไป ทำให้เกิดผลกระทบที่แย่กับเด็ก
เด็กเริ่มไม่มีพื้นที่สำหรับจินตนาการ..
- 65% ของเด็กๆ อยากมีเวลาใช้จินตนาการให้มากกว่านี้
- 71% ของผู้ปกครองรู้สึกว่าเด็กในปัจจุบันมีจินตนาการน้อยกว่าในอดีต
สิ่งที่ขัดขวางจินตนาการ
- 48% ความเครียด
- 46% การถูกตัดสิน
- 42% สิ่งรบกวน
- 25% ความกลัว
- 20% เวลาที่ไม่พอ
ด้วยเหตุนี้ การลดลงของการเล่นที่ใช้จินตนาการอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ผู้ปกครองกังวลว่าลูกๆ จะ “เติบโต” จนสูญเสียจินตนาการที่พวกเขามีมาแต่กำเนิด
“Play-Doh compound is the language of imagination”
93% ของเด็กและผู้ปกครองเชื่อมโยงแบรนด์ Play-Doh เข้ากับ “จินตนาการ”
การเติบโตและความสำเร็จ
แบรนด์ Play-Doh เติบโตอย่างก้าวกระโดดและกลายเป็นหนึ่งในของเล่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก โดยปัจจุบัน Play-Doh ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Hasbro ซึ่งได้พัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์จินตนาการของเด็กๆ ทุกยุคทุกสมัย
ในฐานะแบรนด์ของเล่นระดับโลกที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ผลิตภัณฑ์ Play-Doh จึงหาซื้อได้ง่ายและสะดวกสบาย โดยในประเทศไทย ผู้ปกครองสามารถเลือกซื้อได้จากช่องทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Central, The Mall และ Robinson
- ช่องทางออนไลน์ เช่น Lazada และ Shopee
- ร้านค้าของเล่นโดยเฉพาะ เช่น ร้าน Kiddoland Shop และร้านค้าของเล่นชื่อดังอื่นๆ
ปัจจุบัน Play-Doh ยังคงเป็นของเล่นยอดนิยมที่มีประวัติที่น่าสนใจและเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยและกลายเป็นของเล่นคลาสสิกที่มีหลากหลายสีสันและชุดของเล่นเสริมมากมาย อีกทั้งยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ในการใช้จินตนาการและพัฒนาทักษะการสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง
ร่วมถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการผ่านการปั้นกับ Play-Doh ได้แล้ววันนี้ คลิก!
โปรโมชั่นสุดคุ้มใน Shopee และ Lazada ช้อปเลย!
อย่าพลาด! ข่าวสาร Play-Doh ดีๆได้ที่นี่
Facebook: Hasbro Thailand