ขวดนม จุกนม ควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน - Kiddo Pacific

ขวดนม จุกนม ความเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน ?

ขวดนม จุกนม

ขวดนม จุกนม ความเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน ?

 

ในขณะที่คุณใช้และล้างขวดนมของทารก ในตลอดช่วงสองสามเดือนแรก คุณอาจสงสัยว่าขวดและจุกนมคุณภาพยังใช้งานได้ไหม ต้องเปลี่ยนหรือยัง?

เพราะต้องมั่นใจเสมอ ว่าขวดนมที่ใช้งานนั้น อยู่ในประสิทธิภาพที่ดีอยู่เสมอ เพราะว่าขวดนมต้องใช้ในการให้นมเด็กทารก ซึ่งบอบบาง และ แพ้ง่าย ดังนั้น เรื่องความสะอาดละปลอดภัย จึ้งสำคัญมาก

 

แน่นอนว่า ส่วนมากนั้น การกำหนดอายุของขวดนม หรือ เวลาการใช้งานนั้น ติดอยู่บริเวณฉลากที่ขายขวดนมอยู่แล้ว ดังนั้นเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่คุณจะทราบได้ว่า ควรเปลี่ยนขวดนมเมื่อไหร่

 

ขวดนม จุกนม : สิ่งที่ต้องระวัง

เมื่อพูดถึงเรื่องการป้อนนมลูกน้อยของ มีหลายสิ่งที่คุณควรทำ เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารแต่ละมื้อจะสะดวกสบาย และ ปลอดภัยสำหรับเด็ก หรือ ทารก มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ขั้นแรก ตรวจสอบขวดนมของคุณเป็นประจำเพื่อดูว่ามีการแตกร้าว รอยขีดข่วน รอยรั่ว และการเปลี่ยนสีหรือไม่ แม้ว่าอาจดูเหมือนเป็นข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ แต่รอยแตกและรอยขีดข่วนเหล่านี้อาจเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและเชื้อราได้ แม้ว่าจะผ่านการฆ่าเชื้อแล้วก็ตาม เชื้อโรค จะฝังตัวบริเวณริ้วรอยนั้น และ ส่งผลเสียกับเด็ก ๆ ได้

 

จากนั้น ให้ตรวจสอบบริเวณจุกนมอย่างละเอียด เพื่อดูการหยด การเปลี่ยนสี การบวม และ ความหนาบางของจุกนม หากจุกนมดูยืดเกินไป หรือ ไม่ได้คุณภาพ อาจส่งผลให้น้ำนมไหลเร็วขึ้นซึ่งอาจทำให้ลูกน้อยดื่มนมได้ยากขึ้นด้วย

 

การตรวจสอบจุกนม มีความสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อลูกน้อยของคุณเริ่มมีฟันงอก สัญชาตญาณในการเคี้ยวของพวกเขา อาจทำให้ขวดหรือจุกนมแตกและฉีกขาดเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นอันตรายจากการสำลัก หากปล่อยให้เค้าดื่มตามลำพัง ไม่มีผู้ใหญ่เฝ้าดู

 

โปรดจำไว้ว่า เชื้อโรคที่อันตราย และ มักแอบอยู่ในบางบริเวณของขวดอาจซ่อนตัวอยู่ในรอยแตกหรือรอยแยก บริเวณขวดนมได้ แม้หลังจากใช้เครื่องฆ่าเชื้อแล้วก็ตาม ดังนั้น ควรตรวจสอบอย่างละเอียดทุกครั้งบริเวณขวดนม หากคุณสังเกตเห็นรอยแตก รอยข่วนที่ไม่น่าไว้ใจ ให้เปลี่ยนขวดหรือจุกนมเหล่านั้นทันที การลงทุนเพียงเล็กน้อยในอุปกรณ์ให้นมใหม่ เพื่อความปลอดภัย และ ความไร้กังวล

 

อะไรทำให้ ขวดนม จุกนม เสื่อมสภาพ?

คุณอาจสังเกตเห็นเมื่อเวลาผ่านไป แม้แต่ขวดนม และ จุกนม ที่ดีที่สุด ก็เริ่มแสดงสัญญาณของการสึกหรอ

 

ขวดนมและจุกนมเด็กจำนวนมากประกอบด้วยพลาสติก ซิลิโคน ลาเท็กซ์ และ วัสดุอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน แม้ว่าวัสดุเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อความทนทาน แต่วัสดุเหล่านี้ก็ไม่อาจต้านทานได้ยาวนาน กับการสัมผัสกับอุณหภูมิสูง เช่น ระหว่างการฆ่าเชื้อหรือจากของเหลวร้อน เช่นน้ำต้ม น้ำเดือด จะค่อยๆ สลายวัสดุเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดรอยแตกหรือรั่ว

 

การใช้ชีวิตประจำวันเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง โดยเฉพาะขวดและจุกนมที่ทำจากพลาสติก ซิลิโคน หรือลาเท็กซ์ เปรียบได้เช่นเดียวกับเสื้อยืดตัวโปรดของคุณที่ อาจซีดจางหรือหลุดลุ่ยจากการสวมใส่เป็นประจำ วัสดุในขวดนมและจุกนมก็สามารถเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไปได้หากใช้งานอย่างสม่ำเสมอ

 

การสัมผัสกับแสงแดดหรือแสง UV เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนสีและทำให้โครงสร้างของขวดอ่อนแอลงได้ ในขณะเดียวกัน ความผันผวนของอุณหภูมิ เช่น การเปลี่ยนจากการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนไปสู่การให้ความเย็นทันที ทำให้วัสดุเสื่อมได้ ซึ่งทำให้เกิดการขยายตัวและการหดตัวของวัสดุ การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนี้ อาจทำให้เกิดความเครียดกับวัสดุ ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดการแตกร้าวเมื่อเวลาผ่านไป หรือ ทำซ้ำหลายครั้ง

 

ในทางกลับกัน ขวดแก้วโดยทั่วไปไวต่อการสึกหรอตามอุณหภูมิ และ การเปลี่ยนสีจากรังสียูวีน้อยกว่า แต่อาจแตกหักได้ หากตกหล่น หากคุณกังวลเกี่ยวกับการสัมผัสสารเคมีจากพลาสติก ขวดแก้วก็ช่วยให้คุณอุ่นใจได้

 

แม้ว่าการใช้สาร BPA ในขวดนมจะถูกห้าม ควรมองหาฉลากปลอดสาร BPA, BPS, PVC และ Phthalate เมื่อเลือกซื้อขวดนม

 

สำหรับผู้ที่มองหาพื้นที่ตรงกลาง ขวดนม DUO Hybrid ของเรามอบสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งสองแบบ น้ำหนักเบาและป้องกันการแตกหักได้เหมือนขวดพลาสติก มีกระจกซับในที่ป้องกันไม่ให้นมของทารกสัมผัสกับพลาสติก

 

ขวดนมและจุกนมมีอายุการใช้งานนานแค่ไหน?

แม้ว่าขวดนม และ จุกนมจะไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ของการใช้งานในแต่ละคน ของขวดนมและจุกนม แต่ปัจจัยต่างๆ จะส่งผลต่ออายุการใช้งาน รวมถึงส่วนประกอบของขวดนม และ ความถี่ในการใช้งาน

 

จุกนมขวดมักจะมีอายุการใช้งานสั้นกว่าขวดนม และควรเปลี่ยนทุกๆ สองเดือนโดยประมาณ หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกที่ทนทานกว่านี้ วัสดุซิลิโคนและลาเท็กซ์คือคำตอบ วัสดุเหล่านี้เหมาะมาก หากลูกคุณชอบกัดจุกนม แต่ใดๆ แล้ว การตรวจสอบสัญญาณการสึกหรอ ก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากไม่มีวัสดุใด ที่จะป้องกันความผิดพลาดได้อย่างสมบูรณ์ เพอร์เฟค

 

สำหรับขวดเหล่านั้น หากคุณใช้แบบพลาสติก หลักทั่วไปที่ปลอดภัยคือเปลี่ยนขวดทุกๆ 4 ถึง 6 เดือน ขวดเหล่านี้มีมีน้ำหนักเบา แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดรอยขีดข่วนและการเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไปได้ง่ายกว่า

 

ในทางกลับกัน ขวดแก้วจะมีอายุการเก็บรักษานานกว่าเมื่อได้รับการดูแลอย่างดี มีความทนทานและทำความสะอาดง่าย ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าพลาสติกแบบอื่นๆ แต่เรื่องของน้ำหนัก และ การแตกหัก อาจจะเกิดขึ้นได้ ส่งผลอันตรายกว่า

 

สุดท้ายนี้ โปรดจำไว้เสมอว่าแบรนด์ต่างๆ จะแนบหลักเกณฑ์การใช้งาน และ การเปลี่ยนตามเวลาเอาไว้ในฉลากด้วย โปรดดูคู่มือการใช้งานที่แนบมา หรือ เว็บไซต์ของผู้ผลิต เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

 

การเปลี่ยนขนาดจุกนมขวด

ขนาดจุกนมมักมีสามแบบที่แตกต่างกัน ได้แก่ ไหลช้าสำหรับทารกแรกเกิดถึง 3 เดือน ไหลปานกลางสำหรับทารกอายุระหว่าง 3 ถึง 6 เดือน และไหลเร็วสำหรับผู้ที่อายุ 6 ถึง 12 เดือน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางปฏิบัติ และอายุนั้นก็ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือที่สุดเสมอไปในการเลือกขนาดหัวนมที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อยของคุณ

 

แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน? สังเกตสัญญาณเฉพาะที่อาจบ่งบอกว่าลูกน้อยของคุณพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงจุกนมแล้ว

 

หากลูกน้อยของคุณดูดแรง หรือ จุกนมขวดเสียรูปทรง หรือ แบนราบ ระหว่างการให้นม อาจถึงเวลาที่ต้องขยับขนาดขึ้น สัญญาณอื่นๆ ได้แก่ การระคายเคืองระหว่างการให้นม เช่น การดิ้น เตะ หรือการดันขวดออกไป

 

นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงระยะเวลาในการให้นมด้วย หากใช้เวลานานกว่าในการให้นมลูก — ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง — หรือพวกเขารับประทานอาหารน้อยลง แต่เริ่มหิวหลังจากนั้นไม่นาน นี่อาจเป็นสัญญาณอีกประการหนึ่ง ในการพิจารณาเปลี่ยนขนาดจุกนมใหม่

 

และอย่าลืมสถานการณ์ตรงกันข้าม หากลูกน้อยของคุณสำลักนม หรือ ดูไม่สบายตัวหลังดูดนม นั่นมักจะบ่งชี้ว่าขวดนม และ จุกนมอาจไหลเร็วเกินไป โปรดสลับไปใช้จุกนมที่ไหลช้าลงจะเป็นผลดีกว่า

 

สุดท้ายนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ ให้ปรึกษากุมารแพทย์ของคุณหรือคำแนะนำจากผู้ผลิตขวดนมเพื่อรับคำแนะนำเฉพาะเจาะจงที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของลูกน้อยของคุณ

 

วิธีดูแลขวดนมลูกน้อย และ การใช้เป็นเวลานาน

การดูแลขวดนมของลูกน้อยไม่ใช่แค่เรื่องความสะอาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืดอายุการใช้งาน และ ประกันความปลอดภัยสูงสุดสำหรับลูกน้อยของคุณด้วย ต่อไปนี้คือวิธีที่คุณสามารถดูแลรักษาขวดนมทารกให้อยู่ในสภาพดีเยี่ยม

 

เริ่มต้นด้วยการแยกชิ้นส่วนขวด และ ทำความสะอาดให้สะอาด หลังจากป้อนนมแต่ละครั้ง ตามที่ CDC แนะนำ หากคุณใช้เครื่องล้างจาน แนวทางปฏิบัติที่ดีคือล้างขวดแบบธรรมดาก่อน ใส่เข้าไปในเครื่อง เพื่อเอานมหรือนมผงที่ค้างเหลืออยู่ออกก่อน

 

ขวดนม จุกนม

เครื่องฆ่าเชื้อ เป็นเพื่อนคู่ใจกับขวดที่ดีที่สุดของผู้ปกครอง เมื่อพูดถึงเรื่องการฆ่าเชื้อ อุปกรณ์เหล่านี้สามารถกำจัดเชื้อโรค และ แบคทีเรียที่เป็นอันตรายได้ 99.9% ทำให้คุณอุ่นใจได้ทุกครั้งที่ให้นม

หากคุณล้างเองไม่ได้ใช้เครื่อง ให้เลือกแปรงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับขวดนมและจุกนมเด็กเท่านั้น

หลีกเลี่ยงการแช่ขวดเพราะอาจกระตุ้นให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรียได้ ให้เน้นไปที่การตากให้แห้งอย่างเหมาะสมหลังการล้างแทน การอบแห้งด้วยลมเป็นหนึ่งในวิธีการที่ถูกสุขลักษณะที่สุดและป้องกันการแพร่พันธุ์ของเชื้อโรคและเชื้อรา

 

เมื่อเก็บขวด และ จุกนม ให้เก็บในที่ห่างจากการโดนแสงแดดโดยตรง รังสียูวีสามารถทำลายวัสดุ ทำให้เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น นอกจากนี้ควรปฏิบัติตามแนวทางการดูแลที่ได้รับจากผู้ผลิตเสมอ วัสดุที่แตกต่างกันอาจมีข้อกำหนดการดูแลเป็นพิเศษ โปรดศึกษาให้เข้าใจ และอย่ามองข้ามจุดเล็ก ๆ เพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยของลูก ๆ

 

อย่าลืมว่าการเปลี่ยนขวดและชิ้นส่วน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะระมัดระวังอย่างพิถีพิถันก็ตาม โชคดีที่บริษัทขวดหลายแห่งเสนอชุดอุปกรณ์ทดแทนหรือแม้แต่ชิ้นส่วนแยกชิ้นให้ซื้อ ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องยุ่งยากในการซื้อชุดใหม่ทุกครั้ง

 

บทสรุป

การตรวจสอบขวดนม และ จุกนม ของทารกเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากการใช้งานสูงสุด และใช้งานอย่างปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ว่าการรู้ว่าเมื่อใดถึงเวลาต้องเปลี่ยนขวด หรือ เปลี่ยนขนาดจุกนมอาจเป็นเรื่องยาก ให้ยึดตามหลักการที่แนะนำมา อาจจะช่วยให้เป็นเรื่องง่ายมากขึ้น

 

และจำไว้ว่าไม่มีใครรู้จักลูกน้อยของคุณดีไปกว่าคุณ หากมีข้อสงสัย ให้มองหาสัญญาณปแปลกๆ ระหว่างการให้นม ด้วยการดูแลเอาใจใส่ที่เหมาะสม คุณสามารถให้ทุกการให้นมเป็นไปอย่างปลอดภัย, อุ่นใจและมั่นใจว่าคุณกำลังทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูกน้อยของคุณ

 

Cr.Chicco USA : How Often Should You Replace Your Baby’s Bottles and Nipples?